นิทรรศการ One Piece เดิมมีกำหนดการจัดแสดงวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ทางศูนย์จัดแสดงกลับขอยกเลิกสัญญากับผู้จัดงานเนื่องจากกลัวว่าจะมีการแสดงธงพระอาทิตย์ของญี่ปุ่นซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นที่เคยบุกคาบสมุทรเกาหลี

งานนี้ผู้จัดต้องฟ้องศาลเกาหลีและยืนยันว่าจะไม่มีการแสดงธงในนิทรรศกาลอย่างที่ทางศูนย์กังวล จนกระทั่งศาลมีคำสั่งคุ้มครองให้เปิดจัดแสดงได้

หลังจากได้อนุญาตให้จัดแสดง ตั๋วของนิทรรศการขึ้นอันกับตั๋วขายดีในเกาหลีใต้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ก่อนงานเปิดในวันนี้มีผู้ชมมารอเข้านิทรรศกาลประมาณ 80 คน

ที่มา - Japan Times

คาลบี้เป็นแบรนด์ข้าวเกรียบกุ้งที่รู้จักกันดีในบ้านเรา ในญี่ปุ่นเองแบรนด์คาลบี้ก็ยังเน้นอาหารกินเล่นเป็นหลัก เช่น มันฝรั่ง หรือข้าวเกรียบกุ้ง แต่ตอนนี้บริษัทก็ประกาศว่าจะบุกเข้าธุรกิจอาหาร โดยเตรียมงบประมาณไว้สามหมื่นล้านเยน

นายอากิระ มัตซูโมโตะ ระบุว่าธุรกิจที่เป็นไปได้ที่สุดคงเป็นธุรกิจโยเกิร์ต โดยให้เหตุผลว่าสังคมญี่ปุ่นกำลังเปลี่ยนไป ผู้หญิงทำงานมีมากขึ้นเรื่อยๆ และมีเวลาเตรียมอาหารเช้าน้อยลงกว่าแต่ก่อน ทำให้ธุรกิจอาหารพร้อมทานแบบตะวันตกน่าจะได้รับความนิยมสูงขึ้น

ก่อนหน้านี้คาลบี้บุกตลาดซีเรียลมาก่อนแล้ว โดยมียอดขายปีที่แล้ว 9,500 ล้านเยน และเป็นสินค้าที่ยอดขายเติบโตเร็วที่สุดของคาลบี้

ที่มา - Japan Times

ระหว่างที่บ้านเรายังถกเถียงกันอยู่ว่าควรสร้างรถไฟความเร็วสูงหรือไม่ (หรือเอาเงินไปให้การบินไทยซื้อเครื่องบินดี ฮา) การรถไฟญี่ปุ่นนำโดย JR East ก็เตรียมพร้อมสำหรับรถไฟตู้นอนสุดหรู ที่จะเปิดให้บริการจริงในปี 2017

ปัจจุบัน ญี่ปุ่นมีรถไฟตู้นอนที่ออกแบบมาสำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ให้บริการโดย JR Kyushu ในพื้นที่เกาะคิวชูทางตอนใต้ (แน่นอนว่าราคาแพงระยับ) แต่รอบนี้ JR East ที่เป็นบริษัทรถไฟใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ครอบคลุมพื้นที่สำคัญอย่างโตเกียวจะลงมาลุยเอง

รถไฟขบวนนี้ยังไม่มีชื่อแต่ประกอบด้วย 10 ตู้ บรรทุกผู้โดยสารได้เพียง 34 คน (หนึ่งตู้มีสองห้อง หนึ่งห้องนอนได้ 2 คน) ใช้การตกแต่งสีทองแชมเปญ หรูเหมือนโรงแรมชั้นนำ มีพื้นที่ตรงหัว-ท้ายตู้เป็นกระจกสำหรับชมวิว ราคายังไม่เปิดเผย (ภาพฉบับเต็มดูจากลิงก์ที่มา)

นอกจากนี้ยังมีตู้แบบเดอลุกซ์ ที่มีสองชั้น ชั้นล่างเป็นเตียงนอน และชั้นบนเป็นเสื่อสำหรับนั่งพื้นชมวิวตลอดการเดินทางด้วย ส่วนตู้อื่นๆ ในขบวนเป็นตู้บริการอาหารและเลาจ์สำหรับนั่งพักผ่อน ราคายังไม่เปิดเผยว่าแพงแค่ไหน

ที่มา - The Asahi Shimbun

KFC ประเทศญี่ปุ่นประกาศจัดกิจกรรมฉลองวันก่อตั้ง โดยจัดแคมเปญบุฟเฟ่ต์ไก่ทอดทานไม่อั้น ในบางสาขารวม 537 สาขาทั่วประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะจัดขึ้นเพียง 2 วันเท่านั้น 3 และ 4 กรกฎาคม

เงื่อนไขในการรับประทานกำหนดให้เวลาในการทานเพียง 45 นาทีเท่านั้น และคิดราคา 1,280 เยนต่อคน (ประมาณ 400 บาท) โดยเมนูที่รวมให้ทานได้ไม่จำกัดคือไก่ทอด, เฟรนฟรายด์ และน้ำอัดลม

ทั้งนี้ลูกค้าที่สนใจต้องทำการ "จอง" สิทธิในการรับประทานรวมทั้งเลือกเวลาก่อนด้วยผ่านเว็บไซต์ ซึ่งมีจำนวนจำกัด

ที่มา: RocketNews24

นโยบายเปิดประเทศของนายกรัฐมนตรีชินโซ อะเบะ เดินมาอีกขั้นเพื่อกฎหมายแรงงานต่างด้าวของญี่ปุ่นผ่านสภาสูงในวันนี้ เปิดให้แรงงานต่างด้าวที่มีรายได้และการศึกษาตรงตามเงื่อนไข สามารถขอวีซ่าถาวรในญี่ปุ่น (permanent residency) ได้หลังจากทำงานไปเพียงสามปี จากเดิมที่ต้องทำงานถึงสิบปี

นอกจากระยะเวลาที่ลดลงแล้ว กฎหมายนี้ยังเปิดโอกาสให้คู่สมรสของผู้ที่ได้รับวีซ่าถาวรสามารถทำงานในญี่ปุ่นได้ พร้อมกับสิทธิในการพาพ่อแม่และแม่บ้านมายังญี่ปุ่นได้อีกด้วย

กฎหมายใหม่นี้ยังอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวที่กลับมาเที่ยวญี่ปุ่นซ้ำ โดยหากลงทะเบียนลายนิ้วมือไว้ก่อนแล้ว นักท่องเที่ยวจะสามารถผ่านช่องทางอัตโนมัติด้วยลายนิ้วมือได้โดยไม่ต้องผ่านการประทับตราในหนังสือเดินทางเหมือนเดิม

เป้าหมายของกฎหมายนี้คือการดึงแรงงานฝีมือสูง เช่น แรงงานไอที, วิศวกร, ผู้บริหาร, นักเทคนิคการแพทย์, นักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ ให้เข้าไปทำงานในญี่ปุ่นกันมากขึ้น

ที่มา - Japan Today

กรุงย่างกุ้งของประเทศเมียนมาร์จะได้สะพานข้ามแม่น้ำแห่งใหม่ โดยจะเชื่อมตัวเมืองหลักของย่างกุ้ง กับเขต Thaketa ที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกของเมือง สะพานนี้จะได้เงินสนับสนุนจากหน่วยงานด้านการช่วยเหลือต่างประเทศของญี่ปุ่นหรือ Japan International Cooperation Agency (JICA) จำนวนเงิน 4.1 ล้านดอลลาร์

สะพานแห่งนี้จะใช้โครงสร้างแบบสะพานคานขึง (extradosed bridge หมายถึงสะพานตอม่อคอนกรีตผสมสะพานแขวน) ซึ่งจะถือเป็นสะพานคานขึงแห่งแรกของเมียนมาร์ ความยาวสะพาน 253 เมตร เป็นถนนสำหรับรถวิ่ง 4 เลน

JICA ระบุว่าการสร้างสะพานแห่งนี้จะช่วยให้การคมนาคมในย่างกุ้งสะดวกมากขึ้น และช่วยพัฒนาพื้นที่เขต Thaketa ซึ่งถือเป็นพื้นที่ยากจนของย่างกุ้ง

ที่มา - The Irrawady

เว็บ RocketNews24 รายงานว่าสืบเนื่องจากข่าวดินเนอร์ซูชิสุดหรูที่ร้าน Sukiyabashi Jiro ที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นชินโซะ อาเบะ พาประธานาธิบดีบารัค โอบามาไปทานนั้น ความจริงแล้วนายกฯ อาเบะต้องการไปอีกร้านมากกว่า

ร้านที่เดิมเป็นตัวเลือกแรกของอาเบะคือร้านเทมปุระ Kondo ตั้งอยู่ในย่าน Ginza ไม่ไกลจากร้านซูชิ Jiro นัก ซึ่งเป็นร้านที่ได้รับมิชลินระดับ 2 ดาว แต่ในวันที่ทีมงานของนายกรัฐมนตรีติดต่อไปนั้น ทางร้านมีลูกค้าจองแล้วถึง 90 ราย ซึ่งคุณ Konda เจ้าของร้านปฏิเสธคำขอด้วยเหตุผลว่า ลูกค้าที่จองไว้ล่วงหน้าแล้วย่อมสำคัญกว่าคนที่มาทีหลัง ถึงแม้จะเป็นระดับประธานาธิบดีอเมริกาก็ตาม อีกทั้งเงื่อนไขที่ทางร้านต้องปิดร้านทั้งวันเพื่อรอรับโอบามาก็มากเกินไป

ร้าน Kondo ขายเทมปุระแบบเป็นเซตราคาราว 20,000 เยนต่อเซตครับ

ที่มา: RocketNews24 ภาพประกอบทั้งหมดจาก Tiny Urban Kitchen

Jiro Dreams Of Sushi เป็นภาพยนตร์สารคดีของร้านซูชิ Sukiyabashi Jiro ในกรุงโตเกียว ซึ่งเจ้าของคือคุณลุง Jiro Ono ผู้มีเกียรติประวัติเป็นเชฟมิชลิน 3 ดาว ซูชิร้านนี้จะขายเป็นเซ็ต (ไม่ขายแยกชิ้น) โดยคิดราคาเซ็ตละ 30,000 เยน (ประมาณ 10,000 บาท)

ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้แสดงให้เห็นจิตวิญญาณของการทำซูชิที่ละเมียดละไม เปรียบได้ดั่งงานศิลปะแทนที่จะเป็นแค่ของกินธรรมดา และสร้างชื่อเสียงให้กับร้าน Sukiyabashi Jiro (รวมถึงตัวลุง Jiro เอง) เป็นอย่างมาก คนไทยก็ตามไปกินกันหลายคน (หารีวิวอ่านกันเองนะครับ)

ล่าสุดร้าน Sukiyabashi Jiro ได้แขกคนสำคัญมาเป็นเกียรติประวัติประดับร้านอีกครั้ง เมื่อประธานาธิบดีบารัค โอบามา เยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ และคืนแรกในโตเกียว นายกรัฐมนตรีชินโซะ อาเบะ ก็พาเขาไปเลี้ยงซูชิที่ร้านนี้นั่นเองครับ (ผลกระทบคือ ร้านอาหารอื่นๆ แถวนั้นคงมีลูกค้าน้อยไปหนึ่งคืน เพราะการรักษาความปลอดภัยที่เข้มข้นมากทีเดียว)

ที่มา - Wall Street Journal

Japan Display Inc. บริษัทผลิตจอภาพของญี่ปุ่นที่เกิดจากการรวมธุรกิจหน้าจอของ Sony, Hitashi, Toshiba เข้าด้วยกันเมื่อปี 2011 (ข่าว Blognone) เตรียมเปิดขายหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่นในวันที่ 19 มีนาคมนี้

Japan Display จะตั้งราคาขายที่หุ้นละ 900 เยน ระดมทุนเป็นจำนวน 318.5 พันล้านเยน (ประมาณ 1 แสนล้านบาท) และมีมูลค่าของบริษัทที่ 541 พันล้านเยน (1.7 แสนล้านบาท) ใกล้เคียงกับมูลค่าหุ้นของบริษัท Sharp ในปัจจุบัน

ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Japan Display ในปัจจุบันคือกองทุน Innovation Network Corp of Japan (INCJ) ของรัฐบาลญี่ปุ่นที่ถือหุ้นประมาณ 70% (ที่เหลือเป็นหุ้นของทั้งสามบริษัทรวมกัน) โดยกองทุน INCJ จะลดปริมาณหุ้นที่ถือลงเหลือประมาณ 35% ของ Japan Display

เหตุผลที่หุ้นของ Japan Display ที่ขายออกครั้งนี้มีมูลค่ามาก เพราะ Japan Display ไม่ได้เป็นบริษัทใหม่ แต่เป็นการนำธุรกิจจอภาพเดิม (ที่ประสบปัญหาทางการเงิน) มามัดรวมกันแล้วหาเงินสนับสนุนจาก INCJ จนกิจการเริ่มฟื้นตัวในระดับหนึ่ง ทำให้ INCJ ถอนตัวออกมาจากการถือหุ้น โดยปล่อยให้เป็นกลไกของตลาดแทนนั่นเองครับ (INCJ มีเงินลงทุนในมือทั้งหมดประมาณ 700 พันล้านเยน หรือ 2.2 แสนล้านบาท)

ที่มา - Bloomberg

วง Machikado Keiki Japan เป็นวงเกิลกรุ๊ปสี่คมีสมาชิกอายุในช่วง 16 ถึง 23 ปี แม้ทั้งสี่คนจะไม่ได้เรียนเศรษฐศาสตร์ แต่วงนี้ก็ผูกตัวเองเข้ากับเศรษฐกิจอย่างมาก ทั้งเนื้อเพลงที่พูดถึงเรื่องนโยบายการเงินของญี่ปุ่น, อัตราการเติบโต GDP, และกฎของธนาคารกลาง แม้แต่ชื่ออัลบั้มก็ยังเป็น "Abeno Mix"

นโยบายของวงนี้คือหากดัชนีหุ้นนิเคอิเพิ่มขึ้นทุกๆ 1,000 จุด ทั้งสี่คนจะใส่กระโปรงแสดงสั้นลง 1 นิิ้ว หากหุ้นลดลงก็จะเพิ่มความยาวกระโปรงไปด้วยเช่นกัน

ความขัดแย้งกรณีหมู่เกาะเซ็นคาคุ (ชื่อญี่ปุ่น) หรือหมู่เกาะเตียวหยู (ชื่อจีน) มีทีท่าจะบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อเกิดม๊อบนับพันประท้วงชาวญี่ปุ่นในจีน ส่งผลให้โรงงานของพานาโซนิคและแคนนอนในจีนต้องปิดตัวลง

โรงงานของแคนนอนที่ปิดตัวนั้นเป็นสายการผลิตเครื่องถ่ายเอกสาร, กล้องดิจิตอล, และเลเซอร์พรินเตอร์ โดยประกาศปิดทำการสองวัน ขณะที่พานาโซนิคนั้นระบุว่าสายการผลิตในโรงงานถูกลอบทำลายจนเสียหาย และจะเปิดทำการได้หลังจากตรวจสอบความเสียหายเรียบร้อยแล้ว ทางด้านโซนี่นั้นก็ต้องหยุดการผลิตในบางโรงงานไปด้วยเช่นเดียวกัน

โรงงานรถยนต์ที่หยุดการผลิตไปแล้วได้แก่โตโยต้า, มาสด้า, และนิสสัน ส่วนร้านค้าปลีกที่หยุดไปก็เช่น Uniqlo ต้องหยุดไป 39 สาขาจากที่มีถึง 42 สาขา ร้านขายของชำ Ito Yokado ต้องหยุดไปทั้ง 13 สาขาและ 7-11 ต้องหยุดไป 198 สาขา Jusco ต้องปิดร้านไป 30 สาขา

มูลค่าการค้าระหว่างจีนและญี่ปุ่นนั้นสูงถึง 340 พันล้านดอลลาร์ (กว่าสิบล้านล้านบาท)

เจ้าของปัจจุบันของเกาะเซ็นคาคุเป็นเอกชนชาวญี่ปุ่นรายหนึ่ง (ที่ทางการจีนไม่ยอมรับ) แต่คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเพิ่งอนุมัติให้ทางการโตเกียวใช้เงินรัฐบาลเข้าซื้อเกาะนี้เพื่อยืนยันว่าพื้นที่เกาะคืออาณาเขตของญี่ปุ่น

ที่มา - Bloomberg, CNN, Reuters (1), Reuters (2)

ศาตราจารย์คาโต้แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว และคณะสำรวจได้ค้นพบแหล่งแร่โลหะหายากขนาดใหญ่ ที่มีแร่ดิสโพรเซียม (Dy) รวมอยู่ด้วย โดยมีแร่อยู่ประมาณ 6.8 ล้านต้น คิดเป็น 220 เท่าของปริมาณที่ใช้ในอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในขณะนี้ต่อปี

แหล่งแร่อยู่ใต้พื้นดินใต้ทะเลลึกประมาณ 5,600 เมตร ใกล้กับเกาะมินามิโทริชิม่า ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 2,000 กิโลเมตร บริเวณนี้จัดเป็นเขตการค้าพิเศษอีกด้วย

แร่โลหะหายากเหล่านี้มักใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมไฮเทคเป็นส่วนใหญ่ เช่น การผลิตแม่เหล็กแรงสูง แบตเตอรี่ LED รถยนต์ไฟฟ้า หรือไฮบริด เลเซอร์ รวมถึงมิสไซส์

ประเทศที่ส่งออกแร่โลหะหายากมากที่สุดในโลกคือ จีน โดยส่งออกประมาณ 90% ของความต้องการทั่วโลก แต่กำลังจัดปริมาณการส่งออกลง ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2010 โดยทางปักกิ่งอ้างว่า เพื่อเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อม แต่ทางญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และสหรัฐเชื่อว่าจีนจำกัดการส่งออกเพื่อกันไว้ใช้ในอุตสาหกรรมภายในประเทศต่างหาก การค้นพบครั้งนี้เลยเป็นข่าวดีสำหรับอุตสาหกรรมในญี่ปุ่น

ปัญหาที่เหลือ คือ รอให้รัฐบาลญี่ปุ่นยอมรับผลการค้นพบนี้ และลงทุนในส่วนนี้โดยเร็ว

ที่มา: PhysOrg, Business Standard

ปัญหาการตัดแต่งบัญชีของโอลิมปัสที่ทำให้ผู้บริหารถึง 19 คนถูกฟ้อง และต้องแก้ปัญหาทางการเงินอย่างหนักจนต้องปลดพนักงาน 2,500 คน แต่ทางรอดในระยะยาวของโอลิมปัสคงมีทางเดียวคือการเพิ่มทุน เพื่อเอาเงินสดเข้ามากอบกู้กิจการที่หลายส่วนยังไปได้และทำกำไร ก่อนหน้านี้ฟูจิประกาศพร้อมให้ความช่วยเหลือ แต่ผลออกมากลายเป็นพานาโซนิคที่ส่งเงินมาช่วยโดยอยู่ระหว่างเจรจาตัวเลขในช่วง 30,000 ถึง 50,000 ล้านเยน ซึ่งจะทำให้พานาโซนิคกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดในทันที

ข่าวลือเกี่ยวกับความช่วยเหลือนี้คือพานาโซนิคหวังจะสร้างสายสัมพันธ์กับโอลิมปัสที่มีจุดแข็งในตลาดการแพทย์อย่างมาก และรายได้จากตลาดนี้นิ่งกว่าตลาดสินค้าคอนซูมเมอร์ที่เปลี่ยนแปลงบ่อยกว่า

ที่มา - Reuters

สถานการณ์ของ Olympus ผู้ผลิตอุปกรณ์การแพทย์ และกล้องถ่ายรูปรายใหญ่ของญี่ปุ่นยังแย่อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เปิดโปงการทุจริตของผู้บริหารรายใหญ่ของบริษัทไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

ล่าสุดสำนักข่าว Nikkei business daily รายงานว่า Olympus มีแผนจะมีลดค่าใช้จ่ายจากธุรกิจที่กำลังขาดทุนด้วยการปลดพนักงานลงราว 7% หรือประมาณ 2,500 ตำแหน่ง ซึ่งจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 มิถุนายนนี้

นอกจากการปลดแรงงานแล้ว หนังสือพิมพ์ Asahi ยังรายงานเพิ่มเติมว่า Olympus กำลังจะขายหุ้นเพิ่มอีกประมาณ 10% เพื่อเพิ่มกระแสเงินสดของบริษัท โดยคาดว่า Panasonic และ Sony น่าจะสนใจหุ้นส่วนนี้ของ Olympus (ก่อนหน้านี้ Sony เองก็บอกว่าสนใจธุรกิจเครื่องมือการแพทย์ และที่ทำอยู่ก็กำลังโตได้ดี)

ที่มา - Reuters

พม่ากำลังจะเปิดตลาดหลักทรัพย์แห่งใหม่ของประเทศ ด้วยความช่วยเหลือจากตลาดหลักทรัพย์โตเกียวและบริษัทหลักทรัพย์ Daiwa Securities Group จากญี่ปุ่น

ตลาดหลักทรัพย์โตเกียวกับ Daiwa ได้ทำบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับธนาคารกลางของพม่า โดยโฆษกของ Daiwa เปิดเผยว่า ตามแผนการแล้ว ตลาดหลักทรัพย์แห่งใหม่จะเปิดทำการภายในปี 2015 โดยในแถลงการณ์ระบุว่าจะเป็นตลาดหลักทรัพย์แห่งแรกของประเทศ

ก่อนหน้านี้ พม่าเคยมีตลาดลักษณะ over the counter ขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งขึ้นด้วยความช่วยเหลือจาก Daiwa ในปี 1996 โดยมีหุ้นซื้อขายกันเพียงสองบริษัทเท่านั้น

ที่มา - BBC News, The Irrawaddy